ฝากไว้ให้คิส

การจูบช่วยเพิ่ม well-being และลดความเครียดได้

การจูบเป็นสิ่งที่มีมายาวนานตั้งแต่ในอดีต นักวิทยาศาสตร์พบหลักฐานว่ามนุษย์มีการจูบกันตั้งแต่เมื่อ 3,500 ปีก่อน ถึงแม้การจูบจะไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นต่อการมีชีวิต แต่เชื่อว่าสำหรับคนที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ก็จะรู้ว่ามันดีต่อใจเราอย่างมากเลย

การจูบทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนออกซิโทซิน โดพามีน และเซโรโทนิน ที่ทำให้คุณรู้สึกมีความสุขและกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกรักและผูกพัน นอกจากนี้ยังช่วยลดระดับคอร์ติซอล (ฮอร์โมนความเครียด) อีกด้วย แน่นอนว่าการจูบเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มความพึงพอใจในความสัมพันธ์ของคู่รักได้ ทั้งยังส่งผลดีต่อการรักษาความสัมพันธ์ในระยะยาวด้วย

หากใครที่คบกับคนรักมานานจนเบื่อที่จะจูบกันที่ริมฝีปากแล้ว การจูบบริเวณอื่น ๆ ก็ทำให้รู้สึกดีได้เช่นกัน เช่น หน้าผาก หัวไหล่ หลัง หรือบริเวณอื่น ๆ ตามความชอบส่วนบุคคล แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นการจูบแล้ว ก็ควรจะเป็นความพึงพอใจของคนสองคน (หรือมากกว่านั้น) หากคู่ของคุณไม่ประสงค์ที่จะจูบ (หรือทำอย่างอื่น) คุณก็ควรยอมรับในการตัดสินใจของเขา แม้การจูบจะช่วยเพิ่มรสชาตของชีวิตรักได้ดี แต่การพูดคุยสื่อสารคือหัวใจสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน

ทุกวันที่ 6 กรกฎาคม องค์การสหประชาชาติ กำหนดให้เป็น“วันจูบสากล”

เพราะการจูบถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความใกล้ชิดและการแสดงมิตรภาพ ใครที่เครียดก็ลองเก็บไปทดลองทำกันน้า ส่วนใครที่ไม่มีคู่ ก็จุ้บน้องหมาน้องแมวไปก่อนน้า อิอิ

เกี่ยวกับผู้เขียน

แชร์โพสต์นี้